วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

สะพานชมวิว ณ วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย

สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย “วัดผาตากเสื้อ”

 เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากนี่ก็ 2 ปีแล้วที่อรหันต์ประจำบ้านของเหล่าลูกๆที่ท่านเข้าไปอยู่ในความทรงจำของพวกเรา หลังจากที่เหล่าลูกๆและคนที่รักท่านทำบุญรำลึกในวันคล้ายวันที่ท่านจากโลกนี้ไป ปีนี้บังเอิญตรงกับวันมาฆบูชาด้วย จึงมีผู้คนหลากหลายเข้ามาร่วมทำบุญในครั้งนี้ด้วย

กิจกรรมช่วงเช้าเสร็จสิ้น ก็ถึงช่วงที่พวกเราจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ในครั้งนี้พวกเราได้ตกลงกันที่จะไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลบ้านเท่าไรนัก นั่นก็คือวันผาตากเสื้อ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ณ อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ที่ระหว่างทางมีวิวทิวทัศน์ที่น่ามอง เราเคยมากันเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากทั้งเรื่องการปรับปรุงมุมต่างๆสำหรับการชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขง การจัดสถานที่เป็นระเบียบเรียบร้อย หรือแม้แต่กระทั่งห้องน้ำที่มีอยู่ทั่วไปและสะอาดสะอ้านดี แต่ที่โดดเด่นที่สุดนั่นก็คือสะพานชมวิว (Sky walk)ที่ยื่นออกไปในหน้าผา ทำพื้นเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นพื้นล่างได้ เห็นแล้วก็นึกถึงหอไข่มุกที่มหานครเซียงไห้ที่เคยไปเมื่อหลายปีก่อน

เรามาดูมาชมกันว่าน่าสนใจขนาดไหน
จุดชมวิวจุดแรกที่มีจุดวัดใจอยู่ที่ชะง่อนหิน (คล้ายๆภูกระดึง)
ภาพมุมกว้างที่มองจากชุดชมวิวด้านล่าง

ที่เห็นสะพานยื่นออกมานั่นคือจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่

ขยายภาพเข้ามาใกล้ๆ


ใกล้เข้ามาอีก ตรงบริเวณก่อนทางขึ้น


ทางขึ้น พื้นร้อนมาก


ทางวัดไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าประเภทอื่น นอกจากที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น


ณ จุดนี้คืออีกจุดที่วัดใจคนกลัวความสูง


มองไปจุดชมวิวจุดแรก


อีกฝั่งของสะพานชมวิว


บริเวณด้านบน


อีกมุของบริเวรสะพานชมวิว



ภาพมุมกว้างที่มองจากบนสะพานเห็นแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน เห็นไกลๆลิบนั่นคือฝั่ง สปป.ลาวนั่นเอง


ภาพมุมกว้างที่มองเห็นบริเวณสะพานชมวิว



ป้ายสำหรับให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว

ข้อมูลเพิ่มเติม

การเดินทาง: มาจากจังหวัดอุดรธานีใช้เส้นทางสายมิตรภาพ ตรงมายังจังหวัดหนองคาย เลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกทางไปอำเภอท่าบ่อก่อนถึงตัวเมืองหนองคาย ระยะทางถึงทางแยกจากจากจังหวัดอุดรธานีประมาณ 45-50 กม.
จากนั้นให้ตรงมาตามถนนไม่ต้องเลี้ยวที่ไหน ซึ่งบริเวณริมแม่น้ำโขงหลายๆจุดมีวิวทิวทัศน์ที่น่าสนใจ นักถ่ายภาพน่าจะแวะเก็บภาพระหว่างทางได้พอสมควรเลยหล่ะ เดินทางมาเรื่อยๆก็จะพบสามแยกที่บริเวณเชิงเขาซึ่งอยู่ั่งซ้ายมือก่อนถึงตัวอำเภอสังคม ระยะทางช่วงนี้ก็ประมาณ 30-40 กม.
เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้ามาจะพบป้ายทางไปวัดผาตากเสื้อ ระยะทาง 6.8 กม. อยู่ทางแยกฝั่งขวามือ เดินทางขึ้นมาเรื่อยๆก็จะพบกับที่หมายปลายทาง

การเตรียมตัวเข้าชม: เนื่องจากเป็นพื้นที่วัดต้องแต่งตัวสุภาพ ผู็หญิงไม่ควรนุ่งสั้นมาก การขึ้นชมต้องเปลี่ยนรองเท้าที่ทางวัดจัดไว้ให้และห้ามนำร่มขึ้นไปกางบริเวณสะพานชมวิว เพื่อความสะดวกและปลอดภัยกับนักท่องเที่ยวท่านอื่น นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตไม่ขึ้นเกินครั้งละ 20 ท่าน ข้อห้ามต่างๆสามารถอ่านได้ตามป้ายได้นะครับ

หลังจากกลับจากวัดจึงถือโอกาสเดินทางเข้าไปในตัวเมืองจังหวัดหนองคาย โดยใช้ทางเรียบแม่น้ำโขงที่เข้าทางอำเภอท่าบ่อ มาเรื่อยก็พบว่ามีร้านอาหาร สถานที่พักที่มีวิวสวยๆหลายแห่ง แต่ช่วงนี้น้ำค่อนข้างน้อยเราก็จะได้เห็นวิวสวยอีกแบบหนึ่ง



ริมแม่น้ำโขงบริเวณอำเภอเมือง
 
พอดีเห็นเรือกำลังข้างฝั่งจึงถ่ายภาพไว้


มุมสวยๆบริเวณร้านปลาเผา (แหม..เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมากๆ)


เข้ามาว่ายพระเวียนเทียนวัดคู่บ้านคู่เมือง วันโพธิ์ชัย สถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส


หลังจากเวียนเทียนครบสามรอบแล้วก็เข้ามาฟังธรรมบริเวณโบถน์ (ผู้เขียนไม่ได้เข้า)



ใหว้พระเวียนเทียนเสร็จก็นำธูปเทียนและดอกบัวมาวางไว้บริเวณนี้

จังหวะพอดีเลย



บริเวณพื้นที่วัดโพธิ์ชัย
 
วันนี้ก็สิ้นสุดกิจกรรม ณ วัดโพธิ์ชัย ผู้เขียนได้มีโอกาสมาเวียนเทียนที่ไม่ได้ทำมาหลายปีมากแล้ว ครั้งนี้เป็นช่วงจังหวะที่ดีทีเดียว
หากท่านกำลังเลือกสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคอิสานตอนบนจังหวัดหนองคายเป็นอีกหนึ่งคำตอบของผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ วัดวาอารามและผู้คนที่เป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส
 
ศรายุทธ พุทธรักษา เรียบเรียง
 
 
 
 
 

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2559

รากฐานของความเจริญที่มั่นคง เรียนรู้จากมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส

กลับมาได้เกือบเดือนแล้วแต่ก็ยังมีสิ่งที่ประทับใจจนอยากจะแบ่งปันคือสิ่งที่ผมได้เห็นอยู่ดาดดื่นในกรุงปารีส นั่นคือพื้นถนนที่ดูแปลกตา (แต่คนที่นี่เขาคงดูไม่แปลกหรอก) ซึ่งต้องบอกว่าผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมประเทศที่เจริญแล้วพัฒนามากกว่าประเทศเรา จึงยังใช้ถนนที่มีลักษณะเช่นนี้ ทั้งที่มีเทคโนโลยีในการก่อสร้างสมัยใหม่มากมาย
แล้วผมก็ได้คำตอบจากการพูดคุย จากการสังเกตุจากคนที่นี่ พบว่าถนนเหล่านี้ได้ถูกสร้่างมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีประเทศไทยซะอีกคือเป็นหลักเกือบพันปีมาแล้ว โอ้วแม่เจ้า...(อึ้งแป๊ป) แล้วทำไมยังสามารถใช้ได้นานขนาดนี้แล้วทำไมไม่มีการรื้อสร้างใหม่หล่ะ

และแล้วผมก็รู้ได้ด้วยการประติดประต่อเรื่องราวได้จาก 2ส่วนหลักนั่นคือ
1.คนในประเทศนี้ได้คิดและทำสิ่งไดเพื่อส่งผลระยะยาวเพื่อให้ลูกหลานเหลนโหลนเขาใช้ประโยชน์
2.เหล่าลูกหลานเหลนโหลน ต่างก็ยินดีที่จะอนุรักษ์และใช้งานต่อโดยไม่รื้อทำลายทิ้ง

ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้ว่า การที่ประเทศเจริญมั่นคงก้าวหน้าได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากจิตสำนึกการเป็นผู้ให้อย่างแท้จริง มองไปที่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกัน และคนรุ่นต่อมาก็เคารพต่อการตัดสินใจของบรรพบุรุษ เลือกที่จะรักษาใช้งานอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด

สิ่งที่เขาได้รับคืออะไรหล่ะ ถนนเดิมที่ไม่ต้องเสียเงินสร้างใหม่เหรอ นั่นปล่าวเลย สิ่งที่เขาได้คือการรักษารากเหง้าความคิดที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในการให้รุ่นต่อๆไปทั้งเป็นการฝังรากลึกด้านจิตสำนึกในการพึ่งพาอาศัยกัน การเคารพซึ่งกันและกันต่างหาก จึงทำให้ประเทศเขาเจริญและมั่งคั่งมั่นคง
แล้วเรื่องนี้ทำให้ท่านได้รับอะไรบ้างจากความเห็นของผู้เขียน

SBuddha Wu


วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ต้นกำเหนิดตลาดนัด

ตลาดนัด

ต้นกำเหนิดมาจากดินแดนของทวีปยุโรป ซึ่งเกิดจากกุศโลบายของคนที่เริ่มเห็นช่องทางการขายสินค้า ให้เป็นที่ชุมนุมของผู้คน โดยการการดึงดูดด้วยการบริการหาเห็บหาเหาฟรีโดยใช้ลิง

เนื่องจากคนในดินแดนแห่งนี้ไม่นิยมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายบ่อยๆ เนื่องมาจากอากาศที่หนาวเหน็บ จึงทำให้มีเห็บ ไร หมัด(Flea) คนที่ต้องการกำจัดจึงเดินทางมา ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งก็ทำให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้านานาชนิด
...

เมื่อมีการติดต่อกับนานาประเทศ ตลาดนัดหรือ Flea market จึงได้แพร่หลายไปทั่วโลก ในประเทศไทยเองก็ได้รับอิทธิพลนี้เข้ามาและทำการต่อยอดมากได้มากมาย ก่อให้เกิดการสร้างอาชีพ ทำให้เกิดคหบดีมากมายจากตลาดนัด

นอกจากนี้แล้วการที่ดินแดนแห่งนี้ที่หนาวเกือบทั้งปี คนไม่นิยมอาบน้ำ เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ วิวัฒนาการเพื่อแก้ปัญหาจึงเกิดขึ้น โดยการพัฒนาสิ่งที่มาลดกลิ่นตัว นั่นคือน้ำหอม ดังนั้นคนที่ชอบใส่น้ำหอมเดิมก็คือคนที่ไม่ชอบอาบน้ำนั่นเอง น้ำหอมจึงเป็นสินค้าที่เป็นที่นิยมอย่างสูงในตลาดนัดด้วย

เรียบเรียงมาจาก การบอกเล่าของหัวหน้าทัวว์ปารีส
 

หอคอยไอเฟล

วันนี้เราเห็นหอคอยที่สูงตระหง่านให้ชาวโลกได้ชื่นชม ที่เป็นความภูมิใจของชาวฝรั่งเศส เป็นที่ี่มาของการสร้างอาชีพได้อย่างอภิมหาศาลต่อประเทศนี้และยังสร้างผลลัพธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้กับคนทั่วโลก

แต่ทว่าในวันที่เริ่มต้นการเสนอโครงการนี้กลับถูกต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อไม่ให้เกิดหอคอยอันสง่านี้ขึ้นมา แม้ว่าเขาจะเป็นวิศวกรที่ออกแบบก่อสร้างที่เป็นหนึ่งในอัจฉริยบุคคลของโลกที่ออกแบบสิ่งก่อสร้างสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดยใช้น๊อตเป็นล้านๆตัวเพื่อให้หอคอยนี้ยืนตระหง่านในโลกนี้ได้อย่างมั่นคง ...สามารถทนทานต่อแรงลม หิมะ ความหนาวเย็น ความร้อนและอุปสรรคมากมายนานับประการ ก็ตามที

สิ่งนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าหากวันนี้เขาท้อ เขาฟังเสียงที่ไม่สร้างผลลัพธ์อย่างที่เขาวาดไว้ ในวันนั้นเขาต้องยืนหยัดต่อความเชื่อ ยืนหยัดต่อเสียงที่ต่อต้านเสียงด่าทอของคนไม่เห็นด้วย รวมถึงคนที่พยายามขัดขวาง เพื่อให้เกิดสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่าหอไอเฟลก็จะขึ้นมาให้ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกและสร้างคุณอนันต์ต่อประเทศนี้ นั่นก็เพราะเขารับผิดชอบต่อฝันของเขา รับผิดชอบต่อความเชื่อมั่น รับผิดชอบต่อวิสัยทัศน์ที่คนในยุคนั้นไม่เชื่อนั่นเอง

เราเองรับผิดชอบความฝัน ความเชื่อมัน วิสัยทัศน์ของเรา เพื่อคนที่เรารัก เพื่อคนรอบกาย เพื่อคนในสังคมเพียงได สิ่งนี้พิสูจน์มาแล้วว่าฝันใหญ่และรับผิดชอบต่อฝันนั้น สิ่งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้นมา ฝันใหญ่อุปสรรคก็ใหญ่ เราจะฝ่าพันต่อความฝันเราเพียงได ขนาดของความฝันเราใหญ่พอที่จะให้คนอื่นต่อต้านเยาะเย้ยแล้วยัง ถ้ายังก็จงลงมือทำแล้วมุ่งมั่นทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นมา ดั่งเช่นหอคอยไอเฟล

เรียบเรียง: SBUDDHA WU
 

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วัดถ้าเพียงดิน หรือวัดถ้ำศรีมงคล อ.สังคม จ.หนองคาย Unseen Thailand อีกทีหนึ่ง

   ในช่วงเวลาที่ผมและบรรดาพี่ๆน้องๆได้กลับมาที่บ้านเพื่อร่วมกันทำบุญ 100 วันให้พ่อ ที่ในวันนี้ท่านได้พักผ่อนอย่างนิรันดร์ และคงเป็นการเดินทางไปพบกับแม่ที่ท่านได้ไปรอพ่ออยู่ในสรวงสวรรค์ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ผมได้มีโอกาสลางานติดต่อกันหลายวัน ซึงในครั้งนี้ทำให้ผมได้พบกับสถานที่ๆไม่เคยได้ไปสัมผัสโดยตรงหลายแห่งในช่วงเวลานี้ ต้องขอบอกก่อนว่าว่าเส้นทางนี้ผมเคยมาไกลสุดก็ที่น้ำตกธารทองเมื่อหลายสิบปีก่อน การเดินทางในช่วงนั้นแม้ว่าทางจะแคบแต่ก็ไม่ทำให้เดินทางลำบากมากนักเพราะช่วงนั้นรถยนต์ยังมีไม่มาก ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผ่านมานานมากๆที่ได้กลับมาเยือน จากที่น้องชายผมได้ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ก็พบว่ามีสถานที่แห่งนี้น่าสนใจมาก ขนาดว่าบ้านอยู่ไม่ไกลมากยังไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่น้องพันทิพย์และเฮียกู รู้อย่างละเอียดเลย

   เรา(ผมและน้องชาย) ได้ทำการชักชวนหลานๆและเพื่อนสนิทของผมอีก 2 คนไปเที่ยวกัน ก่อนวันเดินทาง 1 วัน (วางแผนล่วงหน้าแบบมืออาชีพมากกกก) และได้รับการตอบรับ โดยเราใช้รถยนต์ในการเดินทาง 2 คัน เนื่องจากเป็นรถเก๋งทำให้บรรจุคนได้ไม่มากต่อคัน แล้ววันที่เราเตรียมการก็มาถึงในเช้าวันอาทิตย์ มารวมตัวกันที่บ้านพี่ชายคนโตของผม คณะที่เดินทางคันแรก 4 คน(รวมผมด้วย) และอีกคันรวม 5 คน เรา เส้นทางการเดินทางก็ไม่ซับซ้อน ไปทางจังหวัดหนองคาย เลี้ยวซ้ายที่แยกอ.ท่าบ่อ แล้วตรงไปเรื่อยๆราว 100 กม.ได้ และต้องขอบอกว่าทิวทัศน์ข้างทางโดยเฉพาะด้านที่เป็นแม่น้ำโขง เป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ขับไปชมไปอย่างเพลินตาเลยทีเดียว
 
   เมื่อเดินทางมาถึงสามแยกก่อนเข้าตัวอำเภอสังคม จะสังเกตุเห็นป้ายที่เขียนไว้ว่าทางไปวัดผาตากเสื้อและทางไปวัดถ้ำศรีมงคล ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราได้แวะไปชมทิวทัศน์ที่วัดผาตากเสื้อก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อไปที่วัดถ้ำเพียงดิน ต้องขอบอกว่าป้ายบอกทางไม่ชัดเจนเอาซะเลย ขับไปเรื่อยจนเลยทางเข้าถึงสังหรณ์ใจว่าเลยแล้วเพราะไม่มีป้ายบอกทางเลยจึงวนกลับมาอีกครั้ง รู้สึกจะทำป้ายบอกคนที่รู้ทางอยู่แล้ว พบได้เช่นนี้ทั่วไทย แต่ก็หาทางจนเจอจนได้

   และแล้วเราก็มาถึงที่หมายปลายทางคือวัดถ้ำเพียงดิน เราต่างเตรียมพร้อมที่จะผจญภัย โดยในครั้งแรกก็คาดว่าเป็นเพียงถ้าที่เดินเข้าไปดูเหมือนถ้ำที่อื่นๆ แต่ก็เกินคาดมากเลยทีเดียวไม่คิดว่าจะต้องพบกับสิ่งเกินคาดหลายอย่าง ต้องขอบอกก่อนเลยว่าสถานทีแห่งนี้ไม่เหมาะกันคนที่กลัวที่แคบและความมืดเลย ชมไปเรื่อยๆตามภาพด้านล่างนะครับ

วิวทิวทัศน์บนวัดผาตากเสื้อ ที่เราแวะชมก่อนที่จะเดินทางไปวัดถ้ำเพียงดิน
ทางเดินลงไปยังถ้ำ

ก่อนถึงที่หมาย

แผนที่ทางเดินในถ้ำ


เตรียมเข้าแถวเพื่อลงไปชมถ้ำ

ปากทางเข้าถ้ำ

สภาพก่อนเข้า ร่าเริงกันดี
ทางเริ่มแคบแล้ว
ส่วนที่แคบอันแรก
หันไปถ่ายถคนที่เดินตามมา
ต้องเดินเอียงข้างเข้าจึงจะเข้าไปได้ นี่เพียงด่านแรกนะ


เข้าไปพบกับพระพุทธรูป

ด้านในถ้ำ

ท่าทางดูว่ากำลังรอชุดก่อนหน้าเข้าไปก่อน

ช่วงนี้กว้างพอควรเดินได้สบาย

ภาพหินย้อยในถ้ำพบได้ตลอดทาง

มีไม่เยอะเท่าไรหรอกที่ทางเดินจะกว้างอย่างนี้
ว่ากันว่าตรงนี้คือโลงศพเก่า

คณะที่ร่วมเดินทางเข้ามาชมถ้ำ

เริ่มจะห่างกับคณะอื่นแล้ว เพราะมัวแต่ถ่ายรูป ช่วงนี้ยังพอมีไฟฟ้าแสงสว่าง แต่บางช่วงไฟดับ

เริ่มแคบแล้ว

ชักจะเดินไม่สะดวกแล้ว

แวะพักช่วงนี้เพราะต้องรอคณะก่อนหน้าหมุดถ้ำไปก่อน เป็นกองโคลนที่นักท่องเที่ยวโกยมาแล้วหยดลงไป

หลานชายที่มั่นใจว่าสภาพตัวเองยังดีอยู่ (ออกไปแล้วคนละเรื่องเลย)
ช่วงปราบเซียนจะหงายหรือคว่ำก็ได้นะแล้วแต่ถนัด ถ้าอยากออกจากถ้ำและไม่ต้องการกลับทางเดิมก็ต้องลอดทางนี้

ก่อนถึงทางออกมีพระพุทธรูปให้ใหว้

ทางขึ้น
สภาพก่อนจะออกจากถ้ำ


สภาพหลังจากเข้าไปผจญภัย


แวะกราบมนัสการก่อนกลับ


ก่อนที่จะเข้าไปผจญภัยในถ้ำต้องเตรียมการดังนี้
  1. ชุดเสื้อผ้าที่กระฉับกระเฉงอาจจะเป็นเสื้อยืดก็ได้ รวมถึงเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วยก็ดี เพราะมีโอกาสที่จะเปียกสูง ทั้งระดับน้ำในถ้ำและเหงื่อที่จะออกมามากมาย เนื่องจากด้านในร้อนและชื้นมาก
  2. รับประทานอาหารก่อนเข้าชมภายในถ้ำไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้มีโอกาสอาเจียนได้ และต้องใช้แรงมากพอควรในการเดินชมถ้ำ
  3. ไฟฉาย เพราะผู้เขียนพบว่าไฟดับระหว่างทางเดิน แล้วเดินอยู่คนเดียวมืดมาก
  4. ท่านไดต้องการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล ขอให้ทำการบรรจุระดับแบตเตอรี่ให้เต็ม เพราะด้านในมืดมากต้องใช้แฟลชร่วมด้วย และถ้าหากท่านที่ใช้กล้องระดับโปร.ก็อาจจะต้องเตรียมขาตั้งกล้องขนาดเล็กเข้าไปด้วย
  5. เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินตามกันเป็นแถวอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้ท่านมีโอกาสได้ชื่นชมภาพด้านในน้อย