วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วัดถ้าเพียงดิน หรือวัดถ้ำศรีมงคล อ.สังคม จ.หนองคาย Unseen Thailand อีกทีหนึ่ง

   ในช่วงเวลาที่ผมและบรรดาพี่ๆน้องๆได้กลับมาที่บ้านเพื่อร่วมกันทำบุญ 100 วันให้พ่อ ที่ในวันนี้ท่านได้พักผ่อนอย่างนิรันดร์ และคงเป็นการเดินทางไปพบกับแม่ที่ท่านได้ไปรอพ่ออยู่ในสรวงสวรรค์ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ผมได้มีโอกาสลางานติดต่อกันหลายวัน ซึงในครั้งนี้ทำให้ผมได้พบกับสถานที่ๆไม่เคยได้ไปสัมผัสโดยตรงหลายแห่งในช่วงเวลานี้ ต้องขอบอกก่อนว่าว่าเส้นทางนี้ผมเคยมาไกลสุดก็ที่น้ำตกธารทองเมื่อหลายสิบปีก่อน การเดินทางในช่วงนั้นแม้ว่าทางจะแคบแต่ก็ไม่ทำให้เดินทางลำบากมากนักเพราะช่วงนั้นรถยนต์ยังมีไม่มาก ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผ่านมานานมากๆที่ได้กลับมาเยือน จากที่น้องชายผมได้ค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ก็พบว่ามีสถานที่แห่งนี้น่าสนใจมาก ขนาดว่าบ้านอยู่ไม่ไกลมากยังไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่น้องพันทิพย์และเฮียกู รู้อย่างละเอียดเลย

   เรา(ผมและน้องชาย) ได้ทำการชักชวนหลานๆและเพื่อนสนิทของผมอีก 2 คนไปเที่ยวกัน ก่อนวันเดินทาง 1 วัน (วางแผนล่วงหน้าแบบมืออาชีพมากกกก) และได้รับการตอบรับ โดยเราใช้รถยนต์ในการเดินทาง 2 คัน เนื่องจากเป็นรถเก๋งทำให้บรรจุคนได้ไม่มากต่อคัน แล้ววันที่เราเตรียมการก็มาถึงในเช้าวันอาทิตย์ มารวมตัวกันที่บ้านพี่ชายคนโตของผม คณะที่เดินทางคันแรก 4 คน(รวมผมด้วย) และอีกคันรวม 5 คน เรา เส้นทางการเดินทางก็ไม่ซับซ้อน ไปทางจังหวัดหนองคาย เลี้ยวซ้ายที่แยกอ.ท่าบ่อ แล้วตรงไปเรื่อยๆราว 100 กม.ได้ และต้องขอบอกว่าทิวทัศน์ข้างทางโดยเฉพาะด้านที่เป็นแม่น้ำโขง เป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ขับไปชมไปอย่างเพลินตาเลยทีเดียว
 
   เมื่อเดินทางมาถึงสามแยกก่อนเข้าตัวอำเภอสังคม จะสังเกตุเห็นป้ายที่เขียนไว้ว่าทางไปวัดผาตากเสื้อและทางไปวัดถ้ำศรีมงคล ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราได้แวะไปชมทิวทัศน์ที่วัดผาตากเสื้อก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อไปที่วัดถ้ำเพียงดิน ต้องขอบอกว่าป้ายบอกทางไม่ชัดเจนเอาซะเลย ขับไปเรื่อยจนเลยทางเข้าถึงสังหรณ์ใจว่าเลยแล้วเพราะไม่มีป้ายบอกทางเลยจึงวนกลับมาอีกครั้ง รู้สึกจะทำป้ายบอกคนที่รู้ทางอยู่แล้ว พบได้เช่นนี้ทั่วไทย แต่ก็หาทางจนเจอจนได้

   และแล้วเราก็มาถึงที่หมายปลายทางคือวัดถ้ำเพียงดิน เราต่างเตรียมพร้อมที่จะผจญภัย โดยในครั้งแรกก็คาดว่าเป็นเพียงถ้าที่เดินเข้าไปดูเหมือนถ้ำที่อื่นๆ แต่ก็เกินคาดมากเลยทีเดียวไม่คิดว่าจะต้องพบกับสิ่งเกินคาดหลายอย่าง ต้องขอบอกก่อนเลยว่าสถานทีแห่งนี้ไม่เหมาะกันคนที่กลัวที่แคบและความมืดเลย ชมไปเรื่อยๆตามภาพด้านล่างนะครับ

วิวทิวทัศน์บนวัดผาตากเสื้อ ที่เราแวะชมก่อนที่จะเดินทางไปวัดถ้ำเพียงดิน
ทางเดินลงไปยังถ้ำ

ก่อนถึงที่หมาย

แผนที่ทางเดินในถ้ำ


เตรียมเข้าแถวเพื่อลงไปชมถ้ำ

ปากทางเข้าถ้ำ

สภาพก่อนเข้า ร่าเริงกันดี
ทางเริ่มแคบแล้ว
ส่วนที่แคบอันแรก
หันไปถ่ายถคนที่เดินตามมา
ต้องเดินเอียงข้างเข้าจึงจะเข้าไปได้ นี่เพียงด่านแรกนะ


เข้าไปพบกับพระพุทธรูป

ด้านในถ้ำ

ท่าทางดูว่ากำลังรอชุดก่อนหน้าเข้าไปก่อน

ช่วงนี้กว้างพอควรเดินได้สบาย

ภาพหินย้อยในถ้ำพบได้ตลอดทาง

มีไม่เยอะเท่าไรหรอกที่ทางเดินจะกว้างอย่างนี้
ว่ากันว่าตรงนี้คือโลงศพเก่า

คณะที่ร่วมเดินทางเข้ามาชมถ้ำ

เริ่มจะห่างกับคณะอื่นแล้ว เพราะมัวแต่ถ่ายรูป ช่วงนี้ยังพอมีไฟฟ้าแสงสว่าง แต่บางช่วงไฟดับ

เริ่มแคบแล้ว

ชักจะเดินไม่สะดวกแล้ว

แวะพักช่วงนี้เพราะต้องรอคณะก่อนหน้าหมุดถ้ำไปก่อน เป็นกองโคลนที่นักท่องเที่ยวโกยมาแล้วหยดลงไป

หลานชายที่มั่นใจว่าสภาพตัวเองยังดีอยู่ (ออกไปแล้วคนละเรื่องเลย)
ช่วงปราบเซียนจะหงายหรือคว่ำก็ได้นะแล้วแต่ถนัด ถ้าอยากออกจากถ้ำและไม่ต้องการกลับทางเดิมก็ต้องลอดทางนี้

ก่อนถึงทางออกมีพระพุทธรูปให้ใหว้

ทางขึ้น
สภาพก่อนจะออกจากถ้ำ


สภาพหลังจากเข้าไปผจญภัย


แวะกราบมนัสการก่อนกลับ


ก่อนที่จะเข้าไปผจญภัยในถ้ำต้องเตรียมการดังนี้
  1. ชุดเสื้อผ้าที่กระฉับกระเฉงอาจจะเป็นเสื้อยืดก็ได้ รวมถึงเตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วยก็ดี เพราะมีโอกาสที่จะเปียกสูง ทั้งระดับน้ำในถ้ำและเหงื่อที่จะออกมามากมาย เนื่องจากด้านในร้อนและชื้นมาก
  2. รับประทานอาหารก่อนเข้าชมภายในถ้ำไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้มีโอกาสอาเจียนได้ และต้องใช้แรงมากพอควรในการเดินชมถ้ำ
  3. ไฟฉาย เพราะผู้เขียนพบว่าไฟดับระหว่างทางเดิน แล้วเดินอยู่คนเดียวมืดมาก
  4. ท่านไดต้องการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล ขอให้ทำการบรรจุระดับแบตเตอรี่ให้เต็ม เพราะด้านในมืดมากต้องใช้แฟลชร่วมด้วย และถ้าหากท่านที่ใช้กล้องระดับโปร.ก็อาจจะต้องเตรียมขาตั้งกล้องขนาดเล็กเข้าไปด้วย
  5. เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินตามกันเป็นแถวอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้ท่านมีโอกาสได้ชื่นชมภาพด้านในน้อย